ด้วยชีวิตในปัจจุบันที่เร่งรีบ อะไรก็รีบไปหมด รีบตื่น รีบกิน รีบเดินทาง อารมณ์ก็พลอยรีบไปด้วย เรียกว่ารีบสาระพัดอย่าง โดยเฉพาะอาหารเช้าที่สำคัญมาก ๆ และหลายคนก็รีบจนลืมหรือแค่ดื่มนม กาแฟ ขนมปัง เรามาดูผลไม้บ้าน ๆ ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองเรามาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก่อนปู่ย่าตายายและคนรุ่นหลังต่างเติบโตมาด้วยผลไม้ชนิดนี้นั้นก็คือ “กล้วยน้ำว้า” และแน่ว่าหลายคนอาจเคยถูกป้อมด้วยกล้วยบด ควบคู่กับข้าว นม ไข่แดงต้มสุก และด้วยรสชาติหวานอร่อย ให้สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ทั้งยังช่วยต้านโรคภัยไข้เจ็บได้ดี จึงไม่แปลกที่หลายคนยกให้กล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้มหัศจรรย์
กล้วยหนึ่งใบมีประโยชน์อย่างไรบ้าง?
1. วิตามินบี 1 และบี 2 ซึ่งจะช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน ป้องกันอาการตัวบวม และฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้า
2. เกลือแร่ อาทิเช่น โปรเตสเซียม ที่ช่วยในการขับโซเดียมออกทางปัสสาวะ แมกนีเซียม ซึ่งช่วยควบคุมความดันเลือด และการทำงานของแคลเซียม
3. เส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในการบรรเทาอาการท้องผูก
4. ช่วยทำดีท็อกซ์ แป้งในกล้วยดิบมีฤทธิ์ในการขับสารพิษออกจากร่างกาย ส่วนในกล้วยสุกจะช่วยเพิ่มความต้านทานของร่างกาย และป้องกันหวัดได้เป็นอย่างดี
5. สารโพลีฟินิล มีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่
6. สารยูจินอล ช่วยเร่งการพัฒนาสภาพร่างกาย
7. เซโรโทนิน ช่วยลดความหงุดหงิด และทำให้ความอยากอาหารลดลง
8. มีเอ็นไซต์ช่วยในการย่อย ทำให้การย่อย การดูดซึมอาหารมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กระเพาะและลำไส้จึงไม่ต้องทำงานหนัก
9. น้ำตาลในกล้วย เช่น กลูโคส ฟลุกโตส ซูโคส ช่วยเพิ่มสมาธิในการทำงาน พร้อมกับช่วยลดความต้องการในการบริโภคน้ำตาลในแต่ละวันลดลง
10. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเซลล์ NK ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการจัดการกับมะเร็ง
เมื่อได้รับทราบถึงประโยชน์มากมายที่ได้จากกล้วยแล้ว ในมื้อต่อไปที่เร่งรีบอย่าลืมติดกล้วยไปทานในรถ หรือติดไม้ติดมือไปเป็นอาหารว่างแทนขนมเค้กยามบ่าย นอกจากจะไม่อ้วนแล้วยังอิ่มท้องอีกด้วย
กล้วยหนึ่งใบมีประโยชน์อย่างไรบ้าง?
1. วิตามินบี 1 และบี 2 ซึ่งจะช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน ป้องกันอาการตัวบวม และฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้า
2. เกลือแร่ อาทิเช่น โปรเตสเซียม ที่ช่วยในการขับโซเดียมออกทางปัสสาวะ แมกนีเซียม ซึ่งช่วยควบคุมความดันเลือด และการทำงานของแคลเซียม
3. เส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในการบรรเทาอาการท้องผูก
4. ช่วยทำดีท็อกซ์ แป้งในกล้วยดิบมีฤทธิ์ในการขับสารพิษออกจากร่างกาย ส่วนในกล้วยสุกจะช่วยเพิ่มความต้านทานของร่างกาย และป้องกันหวัดได้เป็นอย่างดี
5. สารโพลีฟินิล มีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่
6. สารยูจินอล ช่วยเร่งการพัฒนาสภาพร่างกาย
7. เซโรโทนิน ช่วยลดความหงุดหงิด และทำให้ความอยากอาหารลดลง
8. มีเอ็นไซต์ช่วยในการย่อย ทำให้การย่อย การดูดซึมอาหารมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กระเพาะและลำไส้จึงไม่ต้องทำงานหนัก
9. น้ำตาลในกล้วย เช่น กลูโคส ฟลุกโตส ซูโคส ช่วยเพิ่มสมาธิในการทำงาน พร้อมกับช่วยลดความต้องการในการบริโภคน้ำตาลในแต่ละวันลดลง
10. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเซลล์ NK ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการจัดการกับมะเร็ง
เมื่อได้รับทราบถึงประโยชน์มากมายที่ได้จากกล้วยแล้ว ในมื้อต่อไปที่เร่งรีบอย่าลืมติดกล้วยไปทานในรถ หรือติดไม้ติดมือไปเป็นอาหารว่างแทนขนมเค้กยามบ่าย นอกจากจะไม่อ้วนแล้วยังอิ่มท้องอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น